
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และกรรมการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้ความเห็นถึงฐานะทางการเงินของบริษัท กลางฯหลังจากมีการปรับลดเงินสมทบที่บริษัทประกันวินาศภัยต้องส่งเข้าบริษัทกลางฯเพื่อนำเงินสมทบส่วนนี้ไปเพิ่มให้แก่กองทุนประกันวินาศภัยว่า ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจประกันวินาศภัยเผชิญกับวิบากกรรมจากการรับประกันภัยโควิด-19 ทำให้บริษัทประกันวินาศภัย 4 บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ซึ่งทำให้ภาระหนี้สินตามกรมธรรม์ประกันภัย(Liability) หรือความรับผิดต่อสัญญาประกันภัยที่ยังคงมีอยู่นั้นถูกโอนไปที่กองทุนประกันวินาศภัย
ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(สำนักงานคปภ .)ได้มีการปรับเพิ่มเงินสมทบที่บริษัทประกันวินาศภัยต้องส่งเข้ากองทุนฯจากเดิมอยู่ที่ 0.25% เป็น 0.5 % เป็นการเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นภาระของธุรกิจประกันวินาศภัย เพราะเป็นช่วงหลังจากเกิดการวิกฤติโควิด-19 จึงได้มีการร้องขอให้มีการลดเงินสมทบของบริษัทกลางฯลงไปเพื่อมาชดเชยในสิ่งที่เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจประกันภัย
“เราเองก็ได้มีการหารือกับบริษัท กลางฯ ว่า ถ้าต้องลดเงินสมทบลงมาซักครึ่งนึง เขาสามารถที่จะประคับประคองสถานการณ์ได้ซักกี่ปีเพื่อเป็นการช่วยเหลือบริษัทประกันวินาศภัยด้วย ก็ตกลงกันว่า บริษัท กลางฯสามารถจะประคับประคองสถานการณ์ได้ประมาณ 3 ปี ซึ่งการที่เงินสมทบลดลงไปครึ่งหนึ่งนั้น ในช่วง 3 ปีนั้นก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัท กลางฯจนกระทั่งทำให้เขาอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ พอหลังจากครบ 3 ปีแล้วเงินสมทบจะกลับมาที่เดิมก็จะมาชดเชยบริษัท กลางฯ ในช่วง 3 ปีที่เงินสมทบลดลงไปได้ คิดว่า 3 ปีที่กำลังจะผ่านไป บริษัท กลางฯก็น่าที่จะสามารถที่จะrecover สถานการณ์ได้ ในขณะเดียวกัน บริษัทกลางฯก็ได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินการภายใน ทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัท กลางฯในระยะยาว”
ดร.สมพรกล่าวว่า สิ่งที่เป็นอันตรายในขณะนี้คือ เมื่อมีการปรับลดเงินสมทบของบริษัท กลางฯลงไป จะมีบริษัทประกันวินาศภัยบางบริษัท แทนที่จะเอาเงินที่ประหยัดมาได้ไปชดเชยต้นทุนจากเงินสมทบที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องไปสมทบเข้ากองทุนฯ แต่ปรากฎว่า เริ่มเห็นแนวโน้มที่บริษัทประกันภัยบางบริษัทเริ่มที่จะไปจ่ายค่าตอบแทนประกันภัยพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ(ประกันภัยรถภาคบังคับ) เพิ่มมากขึ้น ก็กลายเป็นปัญหาอีกด้านหนึ่งของธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งขณะนี้สมาคมประกันวินาศภัยไทยก็ได้เชิญบริษัทประกันวินาศภัยต่างๆมาหารือกันว่า บริษัทประกันวินาศภัยควรที่จะอยู่ในกฎกติการ่วมกันอย่างไร เพราะการแก้ปัญหาให้กับธุรกิจประกันภัยนั้น ไม่ควรจะสร้างปัญหาอีกแบบหนึ่งขึ้นมา
นายประสิทธิ์ คำเกิด ที่ปรึกษา บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวว่า ในเรื่องการปรับลดเงินสมทบบริษัทกลางฯ ได้มีการทำแผนประเมินผลกระทบต่างๆ ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หากปรับลดเงินสมทบเป็นเวลา 3 ปี อาจจะทำให้อัตราความเพียงพอของเงินกองทุนหรือ CAR Ratio ลดลงเล็กน้อย แต่การปรับลดเงินสมทบไม่ควรจะเกิน 3 ปีที่กำหนดไว้
“มีการประเมินเผื่อไว้แล้วว่า 3 ปี เราพอที่จะรับได้อยู่ แต่หากปรับลดเงินสมทบยาวกว่านี้ หรือเกินกว่า3 ปี มันไม่ได้”