แหล่งข่าวจากวงการประกันภัย เปิดเผยว่า จากกรณีรัฐบาลได้เตรียมเปิดประเทศ โดยเปิดพื้นที่กรุงเทพฯและหลายจังหวัดเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย(คปภ.)ภายใต้กำกับดูแลของนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาฯคปภ.จะคงต่ออายุคำสั่งนายทะเบียนที่ 43/2564 และคำสั่งนายทะเบียนที่ 44/2564 เรื่อง การจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้เข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolation สำหรับบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้และมีผลสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งนี้ หากตรวจพบว่าผู้เอาประกันภัยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีการดูแลรักษาแบบดังกล่าว โดยกรณีกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากวงเงินความคุ้มครองผู้ป่วยนอกตามความจำเป็นทางการแพทย์และที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินผลประโยชน์ในกรมธรรม์ หรือกรณีตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในให้อนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยนอก ตามความจำเป็นทางการแพทย์และที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินผลประโยชน์ในกรมธรรม์

       ส่วนกรณีกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ก็ให้อนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยนอกตามความจำเป็นทางการแพทย์และที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินผลประโยชน์ในกรมธรรม์ นอกจากนี้ ยังให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าชดเชยรายวันกรณี Home Isolation หรือ Community Isolation หากมีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในสถานพยาบาล เช่น อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ โดยจ่ายตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวัน สูงสุด 14 วัน นับแต่วันที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในสถานพยาบาลแต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ

       โดยล่าสุดเลขาฯคปภ.ได้ทำหนังสือสอบถามความคิดเห็นไปยังสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมขีดเส้นตายให้ตอบกลับมาภายในวันที่ 15 ก.ย.2564 ซึ่งทั้งสองสมาคมฯก็ไม่ได้คัดค้าน หรือไม่เห็นด้วย หากแต่คงจะให้เป็นดุลยพินิจของเลขาฯคปภ.ในฐานะนายทะเบียนไป และภาคธุรกิจก็คงเห็นว่า ได้เดินหน้าลงทุนจัดเตรียมการทำระบบไว้เรียบร้อยไปแล้ว หากจะล้มกลางคัน ก็คงไม่เหมาะ เนื่องจากในวันข้างหน้าก็ยังไม่รู้ว่า หากรัฐบาลเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว จะมีผลต่อการระบาดหนักหรือเชื้อกลายพันธุ์จนกระทบต่อระบบสาธารณะสุขล้มเหลวหรือรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพออีกหรือไม่ จึงต่างคิดว่า คำสั่งคปภ.ดังกล่าวจึงควรจะต่ออายุออกไปอีก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบวุ่นวายกับการต้องกลับมารื้อทำระบบกันใหม่ ดังนั้นจึงเห็นควรให้รันต่อไปน่าจะดีกว่า

       ด้านนายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสมาคมประกันฯกับทรูดิจิทัล และThird Party Administration หรือ TPA ในการให้บริการปรึกษาการแพทย์ผ่านแอปพลิเคชั่น True HEALTH สำหรับผู้เอาประกันที่มีกรมธรรม์ประกันโควิด-19 ถือว่าประสบความสำเร็จและเดินหน้าไปได้ด้วย โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการพอสมควร เพียงแต่สถานการณ์ขณะนี้อาจจะมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลง และเตียงรพ.เหลือเพียงพอ จึงทำให้ปริมาณการใช้บริการกับเราลดลง แต่เราก็คงประมาทไม่ได้ เพราะก็มีโอกาสเสี่ยงไม่น้อย หากมีการเปิดประเทศ จึงไม่ควรประมาท ส่วนจะต่ออายุคำสั่งของคปภ.ข้างต้นหรือไม่นั้น เข้าใจว่าอยู่ระหว่างหารือกันระหว่างผู้บริหารสมาคมฯกับคปภ. โดยในส่วนตัวแล้วเห็นว่าเรามี โครงสร้างพื้นฐาน ไว้พร้อมอยู่แล้วเป็นเรื่องดี ถ้ามีความจำเป็น ก็สามารถจะใช้การได้เลย เพราะระบบที่สมาคมประกันฯร่วมกันคิดร่วมกันทำนี้น่าจะช่วยสาธารณะสุขไม่ให้ตกอยู่ในภาวะล้มเหลวได้พอสมควร